กษัตริย์นครโรมวิสัยมีพระราชธิดาที่สวยงามมาก พระราชธิดานี้เมื่อประสูติมีเรื่อนไม้เล็กๆ ติดมือออกมาด้วย เรือนนี้เมื่อพระธิดาเจริญวัยขึ้น เรือนไม้นี้ก็โตขึ้นด้วยและกลายเป็นของเล่นของพระราชธิดา พระบิดาจึงตั้งชื่อพระราชธิดาว่า โสนน้อยเรือนงาม เมื่อโสนน้อยเรือนงามมีพระชนม์พรรษาได้สิบห้าพรรษา โหรทูลพระบิดาว่าโสนน้อยเรือนงามกำลังมีเคราะห์ ควรให้ออกไปจากเมืองเสีย เพราะจะต้องอภิเษกกับคนที่ตายแล้ว พระบิดาและพระมารดาก็จำใจให้โสนน้อยเรือนงามออกไปจากเมืองแต่ผู้เดียว โสนน้อยเรือนงามปลอมตัวเป็นชาวบ้านและเอาเครี่องทรงพระราชธิดาห่อไว้ พระอินทร์สงสารนางจึงแปลงร่างเป็นชีปะขาวมามอบยาวิเศษสำหรับรักษาคนตายให้ฟื้นได้ โสนน้อยเรือนงามเดินทางเข้าไปในป่าพบนางกุลาหญิงใจร้ายนอนตายเพราะถูกงูกัด โสนน้อยเรือนงามจึงนำยาของชีปะขาวมารักษา นางกุลาก็ฟื้น นางจึงขอเป็นทาสติดตามโสนน้อยเรือนงาม. |
ภาษาไทย
วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
โสนน้อยเรือนงาม
รายชื่อวรรณคดีไทย
รายชื่อวรรณคดีไทย
รายชื่อวรรณคดีของไทย ซึ่งเป็นงานเขียนหรือวรรณกรรมไทยที่ยกย่องกันว่าดี มีสาระ และมีคุณค่าทางวรรณศิลป์
วรรณคดีไทยเป็นผลงานที่ทรงคุณค่าทางวรรณศิลป์ เป็นผลงานเขียนที่เกิดขึ้นก่อนสมัยรัชกาลที่ 7
- กฤษณาสอนน้องคำฉันท์ โดย พระยาราชสุภาวดีและพระภิกษุอินท์
- กฤษณาสอนน้องคำฉันท์ - สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส
- กลบทสิริวิบุลกิติ โดย หลวงศรีปรีชา
- กากีกลอนสุภาพ (กากีคำกลอน) โดย เจ้าพระยาพระคลัง (หน)เห่เรื่องกากี - สุนทรภู่
- กาพย์มหาชาติ โดย สมเด็จพระเจ้าทรงธรรม
- กาพย์ห่อโคลงประพาสธารทองแดง (กาพย์ห่อโคลงนิราศธารทองแดง) โดย เจ้าฟ้าธรรมธิเบศรไชยเชษฐสุริยวงศ์ กรมขุนเสนาพิทักษ์
- กาพย์ห่อโคลงนิราศธารโศก โดย เจ้าฟ้าธรรมธิเบศรไชยเชษฐสุริยวงศ์ กรมขุนเสนาพิทักษ์
- กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน โดย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
- กาพย์เห่เรือ โดย เจ้าฟ้าธรรมธิเบศรไชยเชษฐสุริยวงศ์ กรมขุนเสนาพิทักษ์
- โคลงกำสรวลศรีปราชญ์ โดย ศรีปราชญ์
- แก้วหน้าม้า โดย พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงภูวเนตรนรินทรฤทธิ์
- ไกรทอง โดย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
วรรณคดีไทย
ความหมายของวรรณคดี
เนื่องจากมีการเข้าใจสับสนระหว่างคำว่า วรรณคดี กับวรรณกรรม อยู่เสมอ เนื่องจากทั้งสองคำ มาจากภาษาอังกฤษว่า Literature เช่นเดียวกัน สำหรับในภาษาไทยนั้นมีการใช้คำว่า "วรรณคดี" ก่อนภายหลังจึงได้เกิดมีคำว่า "วรรณกรรม" ขึ้น และจริง ๆ แล้ว ในอดีตก่อนปี พ.ศ. 2457 ไทยเรายังไม่มีคำว่า "วรรณคดี" ใช้ เราเรียกหนังสือวรรณคดีว่า "หนังสือ" (เช่นเรียกเรื่องท้าวบาเจืองหรือท้าวฮุ่งท้าวเจืองที่ทางเวียงจันทร์ส่งมาถวายพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกว่า "หนังสือเจียง" หรือเรียกเรื่องมหาภารตะว่า "หนังสือมหาภารตะ" เป็นต้น) หรือเรียกโดยใช้ชื่อผู้แต่งกับชื่อลักษณะคำประพันธ์และประเภทของเนื้อหา (เช่น นิราศนรินทร์คำโคลงหรือนิราศพระยาตรัง เป็นต้น) หรือเรียกโดยใช้ชื่อลักษณะคำประพันธ์และเหตุการณ์หรือโอกาสที่ทำให้เกิดเรื่องนั้น ๆ ขึ้น (เช่น เพลงยางหรือกลอนนิราศรบพม่าที่ท่าดินแดง หรือโคลงนิราศเวียงจันทร์ พระนิพนธ์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาเดชาดิศร เป็นต้น) (ชลดา เรืองรักษ์ลิขิต. 2541 : 15) และคำว่า "วรรณคดี" นี้รู้จักกันอย่างเป็นทางการเมื่อ พ.ศ. 2450 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในโอกาสที่ทรงตั้ง "โบราณคดีสโมสร" ขึ้น วัตถุประสงค์ของสโมสรนี้ก็เพื่อส่งเสริมการประพันธ์ การศึกษาประวัติศาสตร์และโบราณคดี งานที่สำคัญที่สุดเกี่ยวกับวรรณคดีคือ การพิมพ์เผยแพร่วรรณคดีโบราณ เช่น ลิลิตยวนพ่าย ทวาทศมาส และนิราศพระยาตรัง เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีคณะกรรมการตรวจคัดหนังสือที่แต่งดี เพื่อรับพระบรมราชานุญาตประทับพระราชลัญจกรมังกรคาบแก้ว หนังสือใดที่โบราณคดีสโมสรนี้ประทับพระราชลัญจกรมังกรคาบแก้วก็ได้ชื่อว่าเป็น "วรรณคดี" ซึ่งในขณะนั้นถือว่าเป็น "หนังสือดี"
เนื่องจากมีการเข้าใจสับสนระหว่างคำว่า วรรณคดี กับวรรณกรรม อยู่เสมอ เนื่องจากทั้งสองคำ มาจากภาษาอังกฤษว่า Literature เช่นเดียวกัน สำหรับในภาษาไทยนั้นมีการใช้คำว่า "วรรณคดี" ก่อนภายหลังจึงได้เกิดมีคำว่า "วรรณกรรม" ขึ้น และจริง ๆ แล้ว ในอดีตก่อนปี พ.ศ. 2457 ไทยเรายังไม่มีคำว่า "วรรณคดี" ใช้ เราเรียกหนังสือวรรณคดีว่า "หนังสือ" (เช่นเรียกเรื่องท้าวบาเจืองหรือท้าวฮุ่งท้าวเจืองที่ทางเวียงจันทร์ส่งมาถวายพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกว่า "หนังสือเจียง" หรือเรียกเรื่องมหาภารตะว่า "หนังสือมหาภารตะ" เป็นต้น) หรือเรียกโดยใช้ชื่อผู้แต่งกับชื่อลักษณะคำประพันธ์และประเภทของเนื้อหา (เช่น นิราศนรินทร์คำโคลงหรือนิราศพระยาตรัง เป็นต้น) หรือเรียกโดยใช้ชื่อลักษณะคำประพันธ์และเหตุการณ์หรือโอกาสที่ทำให้เกิดเรื่องนั้น ๆ ขึ้น (เช่น เพลงยางหรือกลอนนิราศรบพม่าที่ท่าดินแดง หรือโคลงนิราศเวียงจันทร์ พระนิพนธ์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาเดชาดิศร เป็นต้น) (ชลดา เรืองรักษ์ลิขิต. 2541 : 15) และคำว่า "วรรณคดี" นี้รู้จักกันอย่างเป็นทางการเมื่อ พ.ศ. 2450 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในโอกาสที่ทรงตั้ง "โบราณคดีสโมสร" ขึ้น วัตถุประสงค์ของสโมสรนี้ก็เพื่อส่งเสริมการประพันธ์ การศึกษาประวัติศาสตร์และโบราณคดี งานที่สำคัญที่สุดเกี่ยวกับวรรณคดีคือ การพิมพ์เผยแพร่วรรณคดีโบราณ เช่น ลิลิตยวนพ่าย ทวาทศมาส และนิราศพระยาตรัง เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีคณะกรรมการตรวจคัดหนังสือที่แต่งดี เพื่อรับพระบรมราชานุญาตประทับพระราชลัญจกรมังกรคาบแก้ว หนังสือใดที่โบราณคดีสโมสรนี้ประทับพระราชลัญจกรมังกรคาบแก้วก็ได้ชื่อว่าเป็น "วรรณคดี" ซึ่งในขณะนั้นถือว่าเป็น "หนังสือดี"
คำราชาศัพท์ (หมวดคำสุภาพ)
คำสุภาพ คือ คำที่ใช้กับสุภาพชนทั่วไป เพื่อความเหมาะสมกับสถานภาพ
เหตุการณ์และโอกาส
คำสามัญ | คำสุภาพ |
หมู | สุกร |
หมา
|
สุนัข
|
แมว
|
วิฬาร์
|
วัว
|
โค
|
ควาย
|
กระบือ
|
ลิง
|
วานร
|
ขี้ควาย
|
มูลกระบือ
|
ช้างสีดอ
|
ช้างนรการ
|
ช้างแม่แปรก
|
ช้างแม่หนัก
|
อีเก้ง
|
นางเก้ง
|
อีเห็น
|
นางเห็น
|
เต่า
|
จิตรจุล
|
ปลิง
|
ชัลลุกา
|
ปลาช่อน
|
ปลาหาง
|
ปลาสลิด
|
ปลาใบไม้
|
ลูกแตงโม
|
ผลอุลิด
|
กล้วยไข่
|
กล้วยเปลือกบาง
|
กล้วยกุ
|
กล้วยสั้น
|
หัวปลี
|
ปลีกล้วย
|
ฟักทอง
|
ฟักเหลือง |
คำราชาศัพท์ (หมวดพระสงฆ์)
คําราชาศัพท์ที่ใช้กับพระสงฆ์
การที่มีคำราชาศัพท์ที่ใช้กับพระสงฆ์ เพราะ พระ หรือ ภิกษุ ถือว่าเป็นบุคคลที่สืบทอดพระพุทธศาสนาทั้งพระธรรมคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อให้บรรดาพุทธศาสนิกชนปฏิบัติแต่ความดีละเว้นความชั่ว ให้หมู่คนมีความผาสุกด้วยธรรมะ เป็นผู้ที่ได้รับการเคารพนับถือจากบุคคลทั่วไป ดังนั้น จึงมีถ้อยคำสำหรับพระภิกษุกำหนดไว้โดยเฉพาะ ซึ่งนักเรียนควรสังเกตว่า คำราชาศัพท์ที่ใช้กับพระสงฆ์ มีการใช้ที่แตกต่างจากราชาศัพท์สำหรับพระเจ้าแผ่นดินหรือพระราชวงศ์ กล่าวคือ สำหรับพระภิกษุนั้นไม่ว่าบุคคลอื่นจะพูดกับท่าน หรือกล่าวถึงท่าน หรือเมื่อท่านพูดเองก็ตาม จะใช้ศัพท์อย่างเดียวกันตลอดไป เช่น คำว่า อาพาธ ฉันภัตตาหาร เป็นต้น
คำราชาศัพท์
สมัครสมาชิก:
ความคิดเห็น (Atom)

